วันศุกร์ 13, ศุกร์ 13, วันแห่งความโชคร้าย, วันอาถรรพ์,

เมื่อพูดถึง ‘ศุกร์ 13’ หลายคนอาจจะรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความน่ากลัว รังสีแห่งความโชคร้าย และเชื่อว่าเป็นวันที่ไม่ค่อยจะมงคลเท่าไหร่นัก ซึ่งไอ้ความรู้สึกเหล่านี้เกิดจากการที่เราได้ยินกันมาแบบปากต่อปากเกี่ยวกับเรื่องเล่าต่าง ๆ นานาของวันนี้ และมีบางคนกลัววันนี้จนถึงขั้นจิตตก ซึ่งในทางจิตวิทยา โรคกลัวเลข 13 ยังถูกเรียกว่า Triskaidekaphobia อีกด้วย 

ต้นกำเนิดของการถูกแปะป้ายให้เป็นวันโชคร้ายของศุกร์ 13 เกิดจากความเชื่อทางคริสต์ศาสนา ในวันงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 13 คน ประกอบไปด้วย พระเยซูและสาวกอีก 12 คน ในวันถัดมาซึ่งเป็น ‘วันศุกร์ประเสริฐ’ (Good Friday) เป็นวันที่พระเยซูถูกตรึงกับไม้กางเขน และความเชื่อทางไสยศาสตร์ของคริสต์เชื่อว่า การมีแขก 13 คนบนโต๊ะอาหารมื้อนั้นถือเป็นลางร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องลางร้ายเกี่ยวกับ ‘ความตาย’ นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าที่ว่า วันศุกร์เป็นวันที่เอวาได้มอบแอปเปิลต้องห้ามให้แก่อาดัม รวมถึงเป็นวันที่คาอินเป็นผู้สังหารอาเบลที่เป็นน้องชายของเขา

ต่อมาช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีหนุ่มสัญชาตินิวยอร์กคนหนึ่งชื่อว่า ‘กัปตันวิลเลียว ฟาวเลอร์’ เขาได้พยายามลบล้างความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลข 13 และกฎที่ไม่เคยถูกเขียนไว้ แต่เหมือนห้ามอยู่กลาย ๆ ว่า ไม่ควรมีแขก 13 คนบนโต๊ะอาหาร ด้วยการก่อตั้งสมาคมที่ชื่อว่า The Thirteen Club โดยกลุ่มนี้จะนัดกันรับประทานอาหารในวันที่ 13 ของทุกเดือน และในห้องหมายเลข 13 ของ Knickerbocker Cottage ซึ่งเป็นร้านเหล้าที่ตัวฟาวเลอร์เป็นเจ้าของตั้งแต่ปี 1863 – 1883 นอกจากนี้จะมีการรับประทานอาหารทั้งหมด 13 คอร์ส และก่อนที่ทุกคนจะรับประทานอาหารจะต้องเดินผ่านใต้บันไดที่มีข้อความเป็นภาษาละตินเขียนว่า “Morituri te Salutamus” หรือที่แปลว่า “พวกเราผู้ซึ่งกำลังจะตายขอคารวะท่าน”

ส่วนเรื่องวันศุกร์ 13 ในวัฒนธรรมป๊อปในปี 1907 ได้มีการตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง Friday, The Thirteenth  ที่เขียนขึ้นโดย โทมัส วิลเลียม ลอว์สัน เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ได้พยายามเล่าเรื่องราวของนายหน้าซื้อขายหุ้นที่ใช้ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องวันแห่งความโชคร้ายที่ว่านี้ในการสร้างความวุ่นวายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และทำกำไรไปได้จำนวนมหาศาล นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง Friday the 13th ที่ออกฉายในปี 1980 และเหมือนเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้คนดูได้รู้จักกับฆาตกรที่ใส่หน้ากากชื่อว่าเจสัน และนั่นอาจจะเป็นภาพจำที่ทำให้คนรับรู้และจดจำเกี่ยวกับเรื่องราวความน่ากลัวของวันศุกร์ 13 มากที่สุด 

นอกจากนี้ในยุคหลัง ๆ ยังมีเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักที่มักจะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 เช่น เหตุการณ์พระราชวังบัคคิงแฮมถูกทิ้งระเบิดทางอากาศ, เหตุการณ์การสังหารคิตตี้ เจโนวีซ (Kitty Genovese) ในกรุงนิวยอร์ก, เหตุการณ์พายุไซโคลนที่เกิดขึ้นในบังกลาเทศจนมีผู้เสียชีวิตกว่า  300,000 คน, เหตุการณ์การหายสาบสูญของเครื่องบินกองทัพอากาศชิลี, การเสียชีวิตของแร็ปเปอร์ ทูพัค ชาเคอร์ (Tupac Shakur), การล่มของเรือสำราญคอสตา คอนคอร์เดีย (Costa Concordia) และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน 

อย่างไรก็ดี แม้ว่าศุกร์ 13 จะถูกแปะป้ายไว้ว่าเป็นวันแห่งความน่ากลัวหรือเป็นวันแห่งความโชคร้าย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ววันนี้ก็เป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่ง และความโชคร้ายหรือเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวินาที ไม่เพียงแต่เฉพาะในวันศุกร์ 13 เท่านั้น แต่ความเชื่อเกี่ยวกับวันนี้เป็นความเชื่อทางประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน จนสอดแทรกเข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมป๊อป และฝังลึกลงไปในความเชื่อของแต่ละคน ว่าวันนี้คือ ‘วันอาถรรพ์’ นั่นเอง