สะพานลอย, ทางข้าม

บนถนนหนทางในประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองหลวง หรือหัวเมืองอื่น ๆ น่าจะพอคุ้นเคยกับ ‘สะพานลอย’ สิ่งก่อสร้างที่ทำขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของคนเดินเท้า และดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่เอื้ออำนวยให้การสัญจรของ ‘รถ’ เป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ซึ่งน่าสงสัยเหมือนกันว่าทำไมประเทศไทยถึงเป็นหนึ่งในประเทศที่เลือกใช้วิธีการนี้แก้ปัญหาคนข้ามถนน ต่างจากประเทศอื่นที่ ‘ทางม้าลาย’ ยังคงเป็นตัวเลือกหลักเสมอ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

จุดเริ่มต้นของทางม้าลายและสะพานลอย

ก่อนจะไปถึงการค้นเหตุผลที่ว่า เราขอพาไปดูจุดเริ่มต้นของแนวคิดการมีอยู่ของทางม้าลายและสะพานลอยเป็นอันดับแรกแล้วกัน

จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่าแนวคิดการมีอยู่ของทางม้าลาย (Crosswalk) มีมาตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้วในเมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลี ซึ่งออกแบบเส้นทางข้ามของคนเดินถนนให้เป็นบล็อกยกสูงขึ้นจากพื้น เพื่อทำให้ผู้คนเหล่านั้นไม่ต้องเหยียบสิ่งสกปรกบนถนน ที่ถือเป็นช่องทางบำบัดน้ำเสียของผู้คนในขณะนั้น

ส่วนหน้าตาของทางข้ามยุคใหม่ที่เป็นรูปธรรมที่มีการบันทึกไว้ มีทั้งทางข้ามถนนที่มีรถไฟผ่านในเมืองลอนดอนในปี 1868 ที่ออกแบบด้วยการทำป้ายเตือนที่มีกลไกตรงจุดที่ใช้ข้าม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดึงเชือกให้สัญลักษณ์บนเสาเปลี่ยนไปตามเครื่องหมายที่ต้องการสื่อสารให้คนเดินเท้าเห็น จนถึงหน้าตาที่เป็นรูปธรรมที่สุดของทางข้ามที่คุ้นเคยในปัจจุบัน มาจากการที่อุบัติเหตุในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ จากความขลุกขลักของกฎจราจร จนในปี 1931 ที่อังกฤษมีการเปิดให้ผู้คนออกแบบหน้าตาของทางข้ามส่งเข้าประกวด และแบบที่ชนะก็คือหน้าตาทางเท้าที่เป็นเส้นสีขาวสลับดำ และถูกให้ชื่อว่า ‘ทางม้าลาย (Zebra Crossing)’ นั่นเอง ซึ่งก็เป็นแบบที่ใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการผสมผสานสีที่ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้จากระยะไกล ทำให้การชะลอความเร็วเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และถูกยอมรับจนกลายเป็นบรรทัดฐานทั่วโลกในอีก 20 ปีต่อมา

ส่วนสะพานลอย (Footbridge) นั้นจริง ๆ ก็เป็นแนวคิดที่มีมานานอยู่แล้ว เพียงแต่ฐานคิดของความเป็นสะพานแบบนี้คือใช้ข้ามสิ่งกีดขวางที่บดบังรอยต่อการเดินทางทั้งหลาย เช่น สะพานข้ามแม่น้ำ สะพานข้ามหุบเขา เป็นต้น ซึ่งมีหลายตัวอย่างที่พบเห็นได้ในยุคก่อนคริสตกาล ทั้งสะพานไม้ข้ามทะเลสาบซูริกตอนบนของสวิตเซอร์แลนด์ หรือสะพานแคลปเปอร์ในชุมชนเดวอน  สหราชอาณาจักรที่สร้างขึ้นเพื่อให้ม้าบรรทุกสินค้าเดินข้ามลำธารได้

ในช่วงเวลาถัดมา สะพานลอยเหล่านี้ก็เริ่มคำนึงเรื่องความเข้าถึงได้ของผู้พิการ หรือผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายอย่างรอบคอบมากขึ้น มีการสร้างลิฟต์เป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการเข้าสู่สะพานลอย หรือสร้างทางลาดประกอบตามที่มีกฎหมายเกี่ยวกำหนดไว้ อย่างที่มีระบุไว้ใน พ.ร.บ. การปฏิบัติต่อผู้พิการ พ.ศ. 2538 ของสหราชอาณาจักร

สำหรับบริบทของสะพานลอยข้ามถนนนั้นถูกนำมาใช้ทดแทนทางม้าลายในพื้นที่ทางแยกที่มีการจราจรพลุกพล่าน การข้ามบนถนนทางหลวงที่ไม่สามารถหยุดการจราจรได้ การข้ามบนแม่น้ำ หุบเขา และมีสิ่งกีดขวางอยู่ หรือทดแทนการใช้ในทางข้ามที่ยากต่อการข้ามจริง ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการจราจร

หากเปรียบเทียบจำนวนทางข้ามในรูปแบบสะพานลอย กับทางข้ามในรูปแบบทางม้าลายนั้นมีความแตกต่างกันพอสมควร เพราะสะพานลอยนั้นมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูง ทำให้สะพานลอยมักถูกสร้างให้อยู่ห่างกันมาก และส่งผลให้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่นิยมในการข้ามสะพานลอยมากนักในต่างประเทศ เพราะต้องเดินไกลขึ้นกว่าจุดที่ใช้ข้ามจริง และเลือกใช้ทางม้าลายใกล้เคียงแทน

จุดเริ่มต้นของทางม้าลายและสะพานลอยในประเทศไทย

หากมองกลับมายังบ้านเรา ต้นทางของเหตุผลและการเกิดขึ้นของทางม้าลายนั้นไม่ได้มีข้อมูลอ้างอิงปรากฏชัด แต่จากการคาดการณ์ด้วยข้อมูลที่มี ทางม้าลายในประเทศไทยน่าจะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ถนนเริ่มขยายเข้าสู่ทุกหย่อมหญ้าในประเทศไทย ทั้งทางหลวงและทางในซอย ประมาณช่วงปี 2500 – 2520 ข้อมูลจากไทยรัฐพลัส โดยภิญญพันธุ์ พจนะลาวัลย์ ระบุว่าในช่วงทศวรรษ 2520 เป็นช่วงที่ผู้คนในชนบทเข้าเมือง และคนต่างจังหวัดเข้ากรุงกันมากขึ้น ทำให้มีจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงขึ้นตาม จนต้องมีการตั้งคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) เพื่อดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ

รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์ผ่านโฆษณาทางโทรทัศน์ เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนเดินข้ามถนนบนทางม้าลายให้มากขึ้น ผ่านการนำดาราระดับแม่เหล็กในยุคนั้นอย่าง ‘สรพงษ์ ชาตรี’ มาแสดง

ภาพจาก Facebook – พณิชยการพระนคร

ส่วนจุดเริ่มต้นของสะพานลอยแรกในไทยนั้นมีการระบุไว้ว่ามันคือ ‘สะพานกษัตริย์ศึก’ สะพานที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 เพื่อให้รถยนต์โดยสาร และคนเดินถนนสามารถข้ามรางรถไฟบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพงได้สะดวกขึ้น จากเหตุผลที่บริเวณนั้นมีรถไฟวิ่งตลอดทั้งวัน โดยไม่ได้เป็นสะพานสำหรับคนเดินข้ามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

สำหรับสะพานลอยเพื่อคนข้ามถนนทางหลวงแห่งแรกในไทยคือสะพานลอยตรงตลาดเฉลิมลาภ ประตูน้ำ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งเป็นเวลาเพียง 3 ปีภายหลังจากการสร้างสะพานข้ามแยกสำหรับรถยนต์แห่งแรกในไทยด้วยเหมือนกันในบริเวณใกล้เคียงกันตรงประตูน้ำ ซึ่งทั้งสะพานลอยและสะพานข้ามแยกนี้ถือกำเนิดขึ้นได้เพราะการขยายตัวของปริมาณรถยนต์ที่สัญจรบน ‘ถนนเพชรบุรี’ ถนนที่ถูกรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2448 และมีความเจริญขึ้นมากมาย

ทั้งการที่ถนนเส้นนี้มีความยาวค่อนข้างมาก เริ่มต้นตั้งแต่ถนนคอเสื้อ (ถนนพิษณุโลกในปัจจุบัน) ไปจนถึงแยกคลองตัน และระหว่างเส้นทางก็มีการสร้างสถานที่สำคัญ ๆ อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประตูน้ำที่เก็บกักน้ำในคลองแสนแสบไว้ใช้ในการเกษตรจนเกิดเป็นชุมชนขึ้นมา มีการนำพาผู้คนจากถนนสีลมผ่านรถราง และรถเมล์นายเลิศเข้ามาในพื้นที่ รวมถึงการสร้างตลาดริมน้ำนายเลิศเพื่อขายอาหารสดและอาหารแห้ง ตลาดเฉลิมโลก โรงภาพยนตร์เฉลิมโลก และตลาดเฉลิมลาภ ทำให้การจราจรเส้นนี้หนาแน่นตนต้องเกิดสะพานทั้งสองแบบขึ้นมาเป็นแห่งแรกในประเทศ

ทำไมประเทศไทยถึงเน้นการมีสะพานลอยมากกว่าทางม้าลาย

หากมาดูกันจริง ๆ แล้ว สะพานลอยในประเทศไทยนั้นตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ด้วยบริบทการมีอยู่ที่ต่างกัน ทั้งสะพานลอยที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของเด็กที่ต้องข้ามถนนจากฝั่งโรงเรียนไปยังฝั่งตรงข้ามกัน หรือสะพานลอยในย่านเพชรบุรี ที่นอกจากสะพานแห่งแรกที่เป็นจุดกำเนิดแล้ว ตลอดทั้งเส้นทางก็ยังมีสะพานลอยอยู่อีกหลายแห่งเช่นกัน

เมื่อมาดูตัวเลขจำนวนสะพานลอยในปี พ.ศ. 2560 แล้ว จะพบว่ากรุงเทพฯ มีสะพานลอยทั้งหมด 915 แห่ง อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนกลาง อย่าง กทม. 723 แห่ง และอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงอีก 192 แห่ง นอกจากนี้ยังมีสะพานลอยที่อยู่ในหน้าตาของสกายวอล์ค ทางเดินขึ้นรถไฟฟ้าลอยฟ้า แอร์พอร์ตลิงก์ อีกจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน

แต่ในประเทศอื่น ๆ นั้นตัวเลขของจำนวนสะพานลอยกลับมีตัวเลขที่น้อยกว่า และดูเหมือนว่าวิธีการทำทางเดินข้ามให้ผู้คนในประเทศได้ใช้ของพวกเขาคือทางม้าลาย หรือไม่ก็ทำเป็นอุโมงค์ไปเลยมากกว่า อาจด้วยต้นทุนการก่อสร้างที่ต่ำกว่า และเอื้ออำนวยต่อคนเดินเท้ามากกว่าเป็นไหน ๆ

หากเราลองเสิร์ชคำว่า ‘สะพานลอย’ บน Google ภาพที่จะปรากฏขึ้นมาให้เราเห็นส่วนใหญ่เลยคือเรื่องในแง่ลบของสะพานลอยที่ชี้ให้เราเห็นถึงความไม่พอดีของการมีอยู่ของสะพานลอยในประเทศไทย ทั้งการเป็นบ้านหรือที่หลับนอนของคนไร้บ้าน เป็นพื้นที่เปลี่ยวยามค่ำคืนที่อาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้ ยิ่งบางสะพานลอยที่มีซุ้มเฉลิมพระเกียรติบดบังสายตาผู้คน พื้นที่บนสะพานลอยนั้นจะยิ่งเพิ่มความอันตรายเข้าไปอีกหลายระดับ 

หรือกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของคนเดินเท้าและเสาไฟฟ้าที่ชอบมาพัวพันอยู่กับราวจับของสะพานลอยที่ตั้งอยู่ใกล้กัน จนทำให้หลายคนกลัวโดนไฟดูดหรือเกิดอุบัติเหตุตามมา แย่ไปกว่านั้นคือการที่อยู่ ๆ เสาไฟฟ้าก็โผล่ขึ้นมากลางบันไดสะพานลอยที่สัตหีบ ชลบุรี ที่เคยเป็นข่าวเมื่อช่วงปี 2564 ซึ่งพอเห็นแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าใครมันเดินขึ้นได้ล่ะเนี่ย

สุดท้ายแล้วหน้าตาของสะพานลอยในบ้านเราดูเหมือนจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการผลักภาระสู่คนเดินเท้ามากขึ้น ยิ่งในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คนเดินเท้าที่เป็นกลุ่มผู้สูงวัยซึ่งเข่าไม่ดี ขาเจ็บ ก็อาจจะไม่เลือกเข้าถึงวิธีการข้ามถนนด้วยรูปแบบนี้ หรือกลุ่มคนเดินเท้าที่เป็นผู้พิการทางสายตา บันไดสุดชันก็กลายเป็นอุปสรรคชิ้นสำคัญของพวกเขา ยิ่งผู้พิการที่นั่งรถเข็นยิ่งแล้วใหญ่ สะพานลอยไม่ได้มีหน้าที่ในการรองรับชีวิตของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

และดูเหมือนว่าสะพานลอยจะยังเป็นหนทางสำคัญในการพาคนข้ามจากฝั่งหนึ่งไปยังฝั่งหนึ่งของคนไทยอยู่ตลอดมา ไปจนกว่าจะมีผู้นำคนไหนมองเห็นความสำคัญของความสะดวกสบายในชีวิตผู้คนเดินเท้าในไทยมากขึ้นในอนาคตข้างหน้า

อ้างอิง

CREATED BY

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป