Xiaomi Thailand

ในปี 2025 Xiaomi แบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีของจีน เดินทางเข้าสู่ปีที่ 15 และได้เผชิญความท้าทายมากมาย อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่สร้างความก้าวหน้าในทางเทคโนโลยี จนกลายเป็นบริษัทที่สร้างมูลค่าได้ในระดับโลก โดยได้รับการการันตีผ่านการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งใน Fortune Global 500 ที่ติดอันดับต่อเนื่อง 7 ปีติดต่อกัน และในปีนี้ขยับขึ้นกว่า 100 อันดับ, Forbes Global 2000 ซึ่งติดอันดับที่ 229 รวมถึงการติดอันดับ Top 100 Most Valuable Global Brands ของ Kantar สถิติเหล่านี้สะท้อนถึงคุณค่าของแบรนด์ Xiaomi และการยอมรับความสำเร็จในเวทีโลก

ขณะเดียวกันในห้วงเวลานี้ Xiaomi ก็มีการเติบโตทางธุรกิจและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทเน้นลงทุนในด้าน AI ด้านระบบปฏิบัติการ และด้านชิปเซ็ต หรือเรียกรวมกันว่าด้านเทคโนโลยีหลัก ทำให้ 5 ไตรมาสที่ผ่านมาทางแบรนด์เติบโตกว่า 30% ติดต่อกัน และในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทมีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นั่นแสดงให้เห็นว่า Xiaomi กำลังเลือกเล่นได้ถูกเกม รวมถึงทางแบรนด์มีแผนในอีก 5 ปีข้างหน้า ว่าจะลงทุนพัฒนาด้านนวัตกรรมเพิ่มอีกกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่น่าจับตาต่อไปในอนาคตว่า Xiaomi จะกลายเป็นเจ้าตลาดที่โดดเด่นในด้านนวัตกรรมได้อีกมากน้อยเพียงใด

ล่าสุดทาง Xiaomi ประเทศไทย ได้แถลงข่าวเปิดตัวสมาร์ตโฟน Xiaomi 15T Series และไลน์อัปสินค้าใหม่หลากหลายหมวดหมู่ ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงถึงความเป็นผู้นำทางการตลาดในด้านต่าง ๆ ทั้งสินค้าหมวดสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต โดย Xiaomi เป็น 1 ใน 3 แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำของโลกตลอด 5 ปี และในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ก็คว้าอันดับ 1 ของแบรนด์สมาร์ตโฟนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเป็น 5 อันดับแรกของแบรนด์แท็บเล็ตระดับโลก และ 3 อันดับแรกของแบรนด์แท็บเล็ตในไทย

หรือสินค้าหมวดอุปกรณ์สวมใส่ อย่าง สมาร์ตวอตช์ สมาร์ตแบนด์ และหูฟังไร้สาย Xiaomi ก็เป็นอันดับที่ 1 ของโลกและของไทยในกลุ่มสินค้าสมาร์ตแบนด์ หรือสายรัดข้อมืออัจฉริยะ รวมถึงในปีนี้ ยังได้เปิดตัวสินค้าหมวดสมาร์ตโฮม Xiaomi MIJIA ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็น และเครื่องซักอบผ้า เข้ามาในประเทศไทย และได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี

ด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศจีนก็สร้างสถิติใหม่เช่นกัน โดยภายในเวลาเพียง 15 เดือน Xiaomi ส่งมอบ SU7 ไปแล้วกว่า 300,000 คัน และในวันเปิดตัว YU7 ก็ได้รับคำสั่งซื้อกว่า 200,000 คันภายในเวลาเพียง 3 นาที นับเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง ที่สนาม Nürburgring รุ่น Xiaomi SU7 Ultra ยังทำลายสถิติด้วยเวลา 7 นาที 4 วินาที กลายเป็นรถยนต์ EV รุ่นผลิตจริงที่เร็วที่สุด

สิ่งเหล่านี้ประกอบสร้างใจความที่ Xiaomi กำลังสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้อย่างเด่นชัด เพราะทางแบรนด์ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การผลิตสินค้าหลากหลายหมวดหมู่เพื่อให้ผู้คนได้ใช้งานเป็นรายชิ้นเท่านั้น แต่ยังผสานกันเพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนโลกของเทคโนโลยีให้ก้าวหน้าขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีผ่านสินค้าที่ดีและมีคุณภาพกลับไปยังผู้ใช้งาน ตามวิสัยทัศน์ ‘Human × Car × Home’ ที่ทุกสิ่งถูกออกแบบโดยมีหัวใจเดียวกันคือ มอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้ผู้ใช้

ปัจจุบันทางแบรนด์ได้ก้าวเข้ามาทำการตลาด และให้บริการฐานลูกค้าในประเทศไทยมากว่า 8 ปี และมี Xiaomi Store กว่า 62 แห่งในประเทศไทย โดยทางบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาให้ครบ 100 สาขาภายในปี 2026 ซึ่งจะครอบคลุมความต้องการของลูกค้า และการให้บริการได้อย่างทั่วถึง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นในระยะยาวของ Xiaomi ในตลาดสินค้าเทคโนโลยีของประเทศไทย

นอกจากการสร้างสรรค์สินค้าให้ได้คุณภาพเต็มเปี่ยมแล้ว Xiaomi ไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจที่มุ่งเน้นทำการตลาดผ่านการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีโครงการ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างเช่น งานวิ่ง Xiaomi Pop Run ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 500 คน หรือกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่บริษัทจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์ด้านอื่น ๆ ระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบวงจร

ต้องยอมรับว่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมาในฐานะ Xiaomi และ 8 ปีในฐานะ Xiaomi ประเทศไทย ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนทั้งในไทยและต่างประเทศได้อย่างมากมาย ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ และเป็นหนึ่งในแบรนด์เอเชียที่น่าจับตามองที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

AUTHOR

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป